เมืองหลวงของรัฐและเมืองของเจ้าผู้ครองคือ อลอร์สตาร์ เมืองหลักๆ เมืองอื่นได้แก่ สุไหงปัตตานี (Sungai Petani) และกูลิม (Kulim) บนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งกูวะห์ (Kuah) บนเกาะลังกาวี
ประวัติศาสตร์
เกดะห์เป็นนครรัฐที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่บริเวณหุบเขาบูจัง ซึ่งเป็นร่องรอยการตั้งอยู่ของอาณาจักรฮินดู-พุทธ ในสมัยศตวรรษที่ 4 อาณาจักรแห่งนี้ถือว่าเป็นอารยธรรมที่เก่ามากบนพื้นแผ่นดินมาเลเชีย และมีการสืบเชื้อสายปกครองดินแดนในแถบนี้เรื่อยมาจนถึงสมัยของ กษัตริย์ชื่อ มะโรง มหาวงศ์ ซึ่งพระองค์นับถือศาสนาฮินดู โดยราชวงศ์ของพระองค์ ปกครองเกดะห์เรื่อยมาจนถึงกษัตริย์องค์ที่ 9 พระองค์มหาวงศ์ เกดะห์มีการติดต่อค้าขายกับอาหรับจนรับเอาอารยธรรมและศาสนาของชาวอาหรับเข้ามายึดถือ พระองค์มหาวงศ์ หันมานับถือศาสนาอิสลาม และเปลี่ยนชื่อเป็น สุลต่าน มุสซาฟา ชาห์ ในปี พ.ศ. 1679 (ค.ศ. 1136)ตามประวัติศาสตร์แต่โบราณมา เมืองเกดะห์ถูกเรียกว่าเมืองไทรบุรีมา่โดยตลอด โดยในศตวรรษที่ 7-8 เมืองไทรบุรีขึ้นอยู่กับอาณาจักรศรีวิชัย หลังอาณาจักรศรีวิชัยล่มสลาย และเกิดอาณาจักรมะละกา ทางตอนใต้ เมืองไทรบุรีจึงไปขึ้นอยู่กับมะละกา จนกระทั่งศตวรรษที่ 17 พวกอาเจะห์ก็เข้าเข้าโจมตีเมืองไทรบุรี เจ้าเมืองไทรบุรีจึงได้ขอความช่วยเหลือยังอาณาจักรอยุธยาและถ้าปลดปล่อย สำเร็จจะขอเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรอโยธยา โดยทางอาณาจักรอโยธยาได้ส่งกำลังทหารเข้ามาปลดปล่อยเมืองไทรบุรีจากพวกอา เจาะห์เป็นผลสำเร็จ ซึ่งตั้งแต่นั้นเมืองไทรบุรี ศตวรรษที่ 18 ก็อยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรอโยธยาต่อมาถึงอาณาจักรสยาม มาโดยตลอด ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชอาณาจักรสยามได้ มีการปรับปรุงการดูแลหัวเมืองทางใต้ใหม่ โดยตั้งรูปแบบมณฑลขึ้นและเปลี่ยนการเรียกเมืองเป็นจังหวัด จึงทำให้เมืองไทรบุรีเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดไทรบุรีสังกัดมณฑลมาลัย
ต่อมาอังกฤษได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนมาลายูทางใต้ของเมืองไทรบุรี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อังกฤษเข้ามามีอำนาจในดินแดนมาลายู โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีแผนการณ์หวังที่จะให้อังกฤษโดยมีข้อแม้ว่าต้ิองช่วยเมืองไทรบุรีให้ปลดปล่อยออกอำนาจของสยาม โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีข้อแลกเปลี่ยนคือยกเกาะหมากหรือเกาะปีนังในปัจจุบัน ให้กับอังกฤษ แต่อังกฤษสนใจเฉพาะการค้าเท่านั้นไม่มีต้องการมีเรื่องกับสยามเพราะ การค้าของอังกฤษในสยามกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จึงปฏิเสธเจ้าเมืองไทรบุรีไปโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง ภายในของประเทศอื่น ปีนังจึงอยู่ในการปกครองของต่อไป ต่อมาอังกฤษยึดอินเดียและพม่าเป็นรัฐอารักขาได้แล้ว และมีแผนขยายอำนาจอังกฤษจึงยอมรับข้อตกลงรับเกาะหมากหรือเกาะัปีนังจากเมือง ไทรบุรี โดยเรื่องนี้เมืองไทรบุรีไม่ได้แจ้งให้สยามซึ่ง มีอำนาจเหนือเมืองไทรบุรีในขณะนั้นทราบ ทางสยามเมื่อทราบจึงส่งกองทัพยกกำลังเพื่อมาจับเจ้าเมืองไทรบุรีเพื่อ พิจารณาโทษที่กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเจ้าเมืองไทรบุรีหนีเข้าไปอยู่ในเขตของอังกฤษ โดยสยามใน ขณะนั้นมีนโยบายไม่อยากเป็นศัตรูและรู้ว่าไม่สามารถทัดทานอำนาจของอังกฤษได้ ซึ่งผลทำให้เกาะปีนังตกเป็นของอังกฤษตั้งแต่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2329 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยต้องการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ได้เคยทำไว้กับอังกฤษโดยต้องการให้ ได้มาซึ่งอำนาจ ศาลไทยที่จะพิจาณาคดีและบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษและคนในบังคับอังกฤษ ซึ่งขณะนั้นได้สร้างปัญหามากมายกับสยาม โดยอังกฤษมีข้อแลกเปลี่ยนคือสยามจะต้องยกสี่รัฐมาลัยให้เป็นของอังกฤษ ประกอบด้วย กลันตัน,ตรังกานู,ไทรบุรี,ปะริด ซึ่งสยามได้ พิจารณาและตัดสินใจยอมยกสี่รัฐมาลัยให้แก่อังกฤษเมื่อ 10 มีนาคม 2441 เพื่อแลกเปลี่ยนตามเงื่อนไข ด้วยเหตุนี้เมืองไทรบุรีก็ตกอยู่ภายใต้รัฐมาลายูของอังกฤษ เมื่อเมืองไทรบุรีได้เข้าไปรวมอยู่รัฐมาลายูของอังกฤษซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ นับถือศาสนาอิสลาม จึงได้เปลี่ยนชื่อไทรบุรี เป็น เกดะห์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
การแบ่งเขตการปกครอง
รัฐเกดะห์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 เขต ได้แก่- เขตบาลิง (Baling)
- เขตบันดาร์บาฮารู (Bandar Baharu)
- เขตโกตาสตาร์ (Kota Setar)
- เขตกัวลามุดา (Kuala Muda)
- เขตกุบังปาซู หรือกูบังปาสู (Kubang Pasu)
- เขตกูลิม (Kulim)
- เขตลังกาวี (Langkawi)
- เขตปาดังเตอรัป (Padang Terap)
- เขตเปินดัง (Pendang)
- เขตเซะก์ (Sik)
- เขตยัน (Yan)
ประชากร
ประชากรในรัฐเกดะห์ตามกลุ่มชาติพันธุ์ในปี พ.ศ. 2546 ได้แก่ ชาวมาเลย์ (1,336,352 คน) ชาวจีน (252,987 คน) ชาวอินเดีย (122,911 คน) ไร้สัญชาติ (35,293 คน) และอื่นๆ (27,532 คน) ในจำนวนนี้มีกลุ่มชาวไทยไทรบุรี ซึ่งเป็นชาวไทยพลัดถิ่นที่ตกค้างในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่การทำสนธิสัญญากับประเทศอังกฤษการคมนาคมขนส่ง
รัฐเกดะห์มีเครือข่ายทางหลวงเชื่อมต่ออย่างดี ดังนั้นจึงสะดวกและง่ายที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปถึง ทางด่วนเส้นเหนือ-ใต้ก็ตัดผ่านรัฐเกดะห์ จึงทำให้ย่นระยะเวลาการเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไป ยังอลอร์สตาร์ให้เหลือเพียง 5 ชั่วโมง ในทางเดียวกันรถไฟเกเรอตัปปีตานะห์มลายู (Keretappi Tanah Melayu) ก็เปิดให้บริการทุกวันจากเมืองหลักๆ ของมาเลเซียไปยังเมืองอลอร์สตาร์ และเมืองอื่นๆสายการบินแห่งชาติ (สายการบินมาเลเซีย) ก็มีเที่ยวบิน 3 เที่ยวต่อวันไปยังอลอร์สตาร์จากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ สายการบินแอร์เอเชียเป็นสายการบินที่มีเที่ยวบินสองเที่ยวต่อวันไป อลอร์สตาร์ และยังออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริการเรือเฟอรีที่ออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมงจากเกาะลังกาวีไปยังกัวลาเกดะห์ ตั้งแต่ 07.00 ถึง 19.00 น. ทุกวันอีกด้วย
การคมนาคมขนส่งอื่นๆ ก็มีรถโค้ชปรับอากาศและรถลีมูซีนทางไกลหรือแม้กระทั่งรถแท็กซี่ ก็ทำให้ได้บรรยากาศที่สดชื่นไปอีกแบบ
สถานที่ท่องเที่ยว
- บาไลเบอซาร์
- บาไลเบอซาร์ (Balai Besar) ถูกสร้างขึ้นในปี 1735 โดย สุลต่านโมฮาหมัด ยิวา (Mohamad Jiwa) สุลต่านองค์ ที่ 19 ของรัฐเกดะห์ ด้วยแรงบันดาลใจที่เคยไปเยี่ยมเยือนปาเลมบังในสุมาตรา มันได้ถูกบรรจงสร้างอย่างประณีตด้วยเสา หลังคาและการปูพื้นที่ทำด้วยไม้ แต่โชคไม่ดีนักที่โบราณสถานแห่งนี้ได้ถูกทำลายลงในระหว่างการโจมตีของสยามประเทศ ในปี 1787 และยังได้ถูกไฟเผาอย่างรุนแรงโดย Bugisin ในปี 1770 หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่และใช้สำหรับการเข้าเฝ้า ราชาภิเษก งานแต่งงาน และราชพิธีต่างๆ
- พิพิธภัณฑ์ของรัฐ
- พิพิธภัณฑ์ใหม่ของรัฐเกดะห์นั้นได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มีนาคม 2003 แต่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี 1997 มันได้สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์แห่งวิถีชีวิตบ้านเรือนแบบฉบับวัฒนธรรม มาเลเซียได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “bumbung panjang” หรือหลังคาแบบยาว ที่ได้กลายมาเป็นรูปแบบหลักของการสร้างบ้านแบบมาเลย์ ตึกหลังนี้มีโถงจัดแสดงหลายห้อง (dewan) เช่น โถงวัฒนธรรม โถงประวัติศาสตร์ โถงด้านการขนส่ง โถงด้านการจารึก โถงอาวุธ โถงเกียรติยศ และโถงธรรมชาติ
- มัสยิดซาฮีร์
- มัสยิดแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1912 และสร้างในแบบสถาปัตยกรรมมัวร์ (Moorish) อย่างโดดเด่น
- วัดจันดี บูกิต บาตู ปาฮัต (วัดเขาหินสลัก)
- ภายในวัดนี้มีจารึกภาษาสันสกฤต เครื่องกระเบื้องจีน ลูกปัดอินเดีย และเครื่องแก้วจากตะวันออกกลาง
- Padi Museum (พิพิธภัณฑ์ข้าว)
- แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมล่าสุดของนักท่องเที่ยวที่มีการจัดแสดงลักษณะที่ แตกต่างกันออกไปของการเก็บเกี่ยวแบบ padi ตั้งแต่อดีตมา รวมไปถึงการจัดแสดงพันธุ์ข้าวจากทั่วโลก พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่ Gunung Keriang (กูนุง เกอเรียง), ประมาณ 8 กิโลเมตรจาก อลอสตาร์ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกรรมวิธีดั้งเดิมของการใช้อุปกรณ์การปลูกข้าว และพัฒนาการของเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวต่างๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
- อลอร์สตาร์ทาวเวอร์
- เป็นสถานที่ที่นิยมสำหรับชมทิวทัศน์รอบเมืองอลอร์สตาร์ ที่ความสูง 170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตึกโทรคมนาคมสื่อสารที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 19 ของโลกแห่งนี้ยังต้อนรับลูกค้าขาจรหรือลูกค้าบริษัทสำหรับการประชุมและสัมนา ที่จะเข้ามารับประทานอาหารในภัตาคารหมุนซรีมลายู (Seri Melayu) แห่งนี้อีกด้วย
- โกตากัวลาเกดะห์
- ซากปรักหักพังของป้อมปราการที่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเกดะห์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างก่ออิฐชาวอินเดียในตอนต้นศตวรรษที่ 17 ด้วยความช่วยเหลือจากโปรตุเกสเพื่อ เป็นป้องกันศัตรูของรัฐเกดะห์ ทุกวันนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้อง ถิ่นว่ามีอาหารทะเลที่รสชาติเยี่ยมอีกด้วย
- บ้านเกิดอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ มูฮัมหมัด
- สถานที่เกิดของนายกรัฐมนตรีผู้เรืองอำนาจและมีชื่อเสียงระดับโลก – Tun Dr. Mahathir Mohamad สร้างขึ้นในปี 1900 มีการจัดแสดงจากช่วงเวลาที่ท่านยังเป็นเด็กจนเข้าโรงเรียนและจนถึงเวลาที่ ท่านเป็นแพทย์
- ตลาดวันพุธ
- Pekan Rabu หรือตลาดวันพุธสร้างขึ้นในปี 1967 มีความเชื่อกันว่าตลาด แห่งนี้นั้นเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่รวมสินค้าที่จำเป็นประจำวันเอาไว้ เช่น อาหารพื้นเมืองมาเลย์, ยาพื้นบ้าน, หัตถกรรมและเสื้อผ้าภายในสถานที่แห่งนี้
- ซินตา ซายัง กอล์ฟคลับ แอนด์ คันทรีรีสอร์ท
- Darul Aman Golf & Country Club (ดารุล อะมาน กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ)
- สนามกอล์ฟ 18 หลุมที่มีเนื้อที่กว่า 190 เอเคอร์ท่ามกลางพื้นที่แบบเนิน, มีต้นไม้ขึ้นเป็นแถว, เนินเขาเล็กๆ และหนองน้ำสลับไปกับสีเขียวชะอุ่ม ของทุ่งหญ้าสุดสายตาจะมองเห็น ที่นี่เป็นสนามกอล์ฟแบบ พาร์ 72 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายความสามารถของทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ Darul Aman Golf & Country Club แห่งนี้เป็นสนามกอล์ฟแห่งที่สองในมาเลเซียที่ได้รับรางวัล ISO 9001:2000 ที่ตั้งนั้นอยู่ห่างออกไป 5 นาทีจากสี่แยกบันดาร์ ดารุ้ลอามาน บนทางหลวงสาย North-South; 10 นาทีจากสนามบิน Sultan Abdul Halim; 15 นาทีจากเมือง อลอสตาร์; และประมาณครึ่งชั่วโมงจากบูกิต กายู ฮิตัม สนามกอล์ฟแห่งนี้ยังได้เสนอบรรยากาศที่ปลดปล่อยและผ่อนคลาย และยังสามารถที่จะพักผ่อนไปท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย